ระบบเสียงตามสาย คือระบบกระจายเสียงที่ออกแบบมาเพื่อส่งสัญญาณเสียงไปในระยะไกลและครอบคลุมพื้นที่ขนาดใหญ่โดยเฉพาะ เหมาะสำหรับใช้ในการประกาศและเปิดเพลงคลอเบาๆ (BGM) ในสถานที่อย่างห้างสรรพสินค้า, โรงเรียน, โรงพยาบาล, และโรงงาน โดยใช้เทคโนโลยีแรงดันสูง (70V/100V) ที่ทำให้สามารถต่อลำโพงจำนวนมากเข้ากับแอมป์ตัวเดียวได้โดยไม่สูญเสียคุณภาพเสียง

ทำไม ระบบเสียงตามสาย ถึงเจ๋งกว่าเครื่องเสียงบ้าน?

เคยสงสัยไหมว่าทำไมเราไม่เอาเครื่องเสียงบ้านมาใช้ประกาศในห้าง? คำตอบง่ายๆ คือ มันทำไม่ได้! จากประสบการณ์จริงในการออกแบบระบบเสียง, ความท้าทายของพื้นที่ขนาดใหญ่คือ “ระยะทาง” และ “จำนวนลำโพง” เครื่องเสียงบ้านถูกออกแบบมาให้มีกำลังขับสูงแต่ส่งไปได้ไม่ไกล (Low Impedance) แต่ ระบบเสียงตามสาย หรือระบบ Volt Line (70V/100V) ถูกออกแบบมาเพื่อแก้ปัญหานี้โดยเฉพาะ มันเหมือนการส่งไฟฟ้าแรงสูงไปไกลๆ แล้วค่อยแปลงลงที่ปลายทาง ทำให้เราสามารถ:

  • เดินสายลำโพงได้ไกลเป็นร้อยๆ เมตรโดยสัญญาณไม่ตก
  • ต่อลำโพงเป็นสิบๆ หรือร้อยๆ ตัวขนานกันไปได้เรื่อยๆ
  • คำนวณวัตต์ของระบบได้ง่ายและแม่นยำ

ส่วนประกอบหลักของ ระบบเสียงตามสาย มีอะไรบ้าง?

แม้ระบบจะดูใหญ่โต แต่หัวใจหลักๆ มีไม่กี่อย่างที่ทำงานร่วมกัน

แหล่งกำเนิดเสียง (Source): ไมโครโฟน, เครื่องเล่นเพลง

นี่คือจุดเริ่มต้นของเสียงทั้งหมด อาจจะเป็น ไมโครโฟนประกาศ ที่เคาน์เตอร์ประชาสัมพันธ์, คอมพิวเตอร์ที่เปิดเพลง BGM, หรือแม้กระทั่งเครื่องรับวิทยุ FM/AM

เครื่องผสมและควบคุม (Mixer/Controller): หัวใจของการจัดการเสียง

อุปกรณ์ชิ้นนี้ทำหน้าที่รับเสียงจากแหล่งต่างๆ มารวมกัน และปรับความดัง-เบาของแต่ละแหล่งเสียง บางรุ่นที่ซับซ้อนขึ้นสามารถทำ การแบ่งโซน (Zoning) หรือตั้งโปรแกรมเปิด-ปิดเสียงอัตโนมัติได้

เครื่องขยายเสียง (Amplifier): ขุมพลังของระบบ

เพาเวอร์แอมป์ สำหรับ ระบบเสียงตามสาย จะแตกต่างจากแอมป์บ้าน เพราะมันมีหม้อแปลงในตัวเพื่อแปลงสัญญาณเสียงให้เป็นแรงดันสูง (70V หรือ 100V) ก่อนส่งออกไปที่สายลำโพง การเลือกขนาดแอมป์ (วัตต์) ต้องคำนวณให้สูงกว่าวัตต์รวมของลำโพงทั้งหมดในระบบเสมอ

ลำโพง (Speakers): เสียงที่ไปถึงทุกคน

ลำโพงในระบบนี้จะมีหม้อแปลงเล็กๆ (Matching Transformer) ติดอยู่ที่ตัว เพื่อแปลงแรงดันสูงกลับมาเป็นสัญญาณปกติสำหรับขับดอกลำโพง และยังสามารถเลือกระดับความดังของลำโพงแต่ละตัวได้ที่หม้อแปลงนี้อีกด้วย

เลือกประเภทลำโพงให้ถูกกับพื้นที่

การเลือกลำโพงผิดประเภทอาจทำให้เสียงไม่ดีหรือลำโพงเสียหายได้ ตารางนี้คือแนวทางง่ายๆ ครับ

ประเภทพื้นที่ ประเภทลำโพงที่แนะนำ เหตุผล
ออฟฟิศ / ร้านค้า / โรงพยาบาล ลำโพงติดเพดาน (Ceiling Speaker) ให้การกระจายเสียงที่สม่ำเสมอและนุ่มนวล กลมกลืนไปกับการตกแต่งภายใน
ทางเดิน / โถงทางเดินยาวๆ ลำโพงคอลัมน์ (Column Speaker) ควบคุมทิศทางเสียงในแนวตั้งได้ดี ลดเสียงก้องสะท้อน เหมาะกับพื้นที่แคบยาว
โรงงาน / โกดัง / ลานจอดรถ ลำโพงฮอร์น (Horn Speaker) ให้เสียงที่ดังและพุ่งไปได้ไกล ทนทานต่อสภาพอากาศและฝุ่นละอองได้ดี
สวนสาธารณะ / พื้นที่ภายนอก ลำโพงตู้กันน้ำ (Cabinet Speaker) ออกแบบมาให้ทนแดดทนฝน ให้คุณภาพเสียงดนตรีได้ดีกว่าลำโพงฮอร์น

การแบ่งโซน (Zoning): พลังของการควบคุม

หนึ่งในฟีเจอร์ที่สำคัญที่สุดของ ระบบเสียงตามสาย คือความสามารถในการ “แบ่งโซน” ลองนึกภาพห้างสรรพสินค้าที่สามารถประกาศเรียกพนักงานได้เฉพาะในโซนสต็อกสินค้า หรือเปิดเพลงคนละแนวระหว่างโซนเสื้อผ้าวัยรุ่นกับโซนเครื่องนอน การแบ่งโซนช่วยให้เราควบคุมการกระจายเสียงไปยังพื้นที่ที่ต้องการได้อย่างอิสระ ทำให้การสื่อสารมีประสิทธิภาพและไม่รบกวนคนในพื้นที่อื่นๆ

ทำไมคุณถึงต้องการผู้เชี่ยวชาญสำหรับระบบ PA ของคุณ?

แม้หลักการจะดูตรงไปตรงมา แต่การติดตั้ง ระบบเสียงตามสาย ในสถานที่จริงมีความซับซ้อนสูงมาก ตั้งแต่การคำนวณโหลดวัตต์ที่ถูกต้อง, การเลือกขนาดสายไฟ, การวางแผนแบ่งโซน, ไปจนถึงการติดตั้งที่ปลอดภัยและถูกกฎหมาย การจ้างผู้เชี่ยวชาญจึงไม่ใช่แค่ความสะดวกสบาย แต่เป็นการรับประกันว่าระบบของคุณจะทำงานได้อย่างถูกต้อง, ปลอดภัย และมีอายุการใช้งานที่ยาวนาน

ตัวอย่างจริง: การติดตั้งระบบครบวงจรโดย Van Intertrade

การเลือกพาร์ทเนอร์ที่มีประสบการณ์คือหัวใจสำคัญ บริษัทอย่าง VAN INTERTRADE Co., Ltd. คือตัวอย่างของผู้ให้บริการที่เข้าใจความซับซ้อนของ ระบบเสียงตามสาย เป็นอย่างดี พวกเขาไม่ได้แค่ขายอุปกรณ์ แต่จะเข้าไปสำรวจหน้างานจริง, พูดคุยเพื่อทำความเข้าใจความต้องการใช้งาน, ออกแบบแผนผังการเดินสายและตำแหน่งลำโพง, และติดตั้งโดยทีมงานมืออาชีพ พร้อมการรับประกันที่เชื่อถือได้ นี่คือความแตกต่างระหว่างการ “ซื้อของ” กับการ “ซื้อโซลูชัน”

รายละเอียด ข้อมูลติดต่อ VAN INTERTRADE Co., Ltd.
ที่อยู่ 59/349-51 ซอยรามคำแหง 140 ถนนรามคำแหง แขวงสะพานสูง เขตสะพานสูง กทม. 10240
เบอร์โทรศัพท์ (+66)2-728-0150, (+66)86-303-8051
อีเมล VAN@VANINTER.COM
Facebook VisualAudioNetwork
LINE ID @vanintertrade

คำถามที่พบบ่อยเกี่ยวกับ ระบบเสียงตามสาย

1. ระบบ 70V กับ 100V ต่างกันอย่างไร? เป็นมาตรฐานแรงดันที่ใช้ในแต่ละภูมิภาคครับ ในเอเชียและยุโรปส่วนใหญ่นิยมใช้ระบบ 100V ในขณะที่อเมริกานิยมใช้ 70V อุปกรณ์ส่วนใหญ่ในปัจจุบันมักจะรองรับทั้งสองระบบ แต่ต้องเลือกใช้ให้ตรงกันทั้งระบบเพื่อประสิทธิภาพสูงสุด

2. เราสามารถต่อลำโพงบ้านเข้ากับแอมป์เสียงตามสายได้ไหม? ไม่ได้เด็ดขาด! การทำเช่นนั้นจะทำให้ลำโพงบ้านของคุณเสียหายทันทีเพราะแรงดันไฟฟ้าสูงเกินไป และอาจทำให้แอมป์เสียหายได้ด้วย

3. ต้องคำนวณวัตต์ของแอมป์อย่างไร? ง่ายมากครับ แค่นำวัตต์ของลำโพงทุกตัวในโซนนั้นๆ มารวมกัน (โดยดูที่การตั้งค่าแท็ปวัตต์ที่ตัวลำโพง) จากนั้นเลือกแอมป์ที่มีกำลังขับสูงกว่ายอดรวมนั้นอย่างน้อย 20% เพื่อสำรองกำลัง (Headroom)

4. ระบบเสียงตามสายสามารถให้เสียงเพลงคุณภาพดีได้หรือไม่? ได้ครับ! แม้จะถูกออกแบบมาเพื่อเสียงประกาศเป็นหลัก แต่ลำโพงแบบ Cabinet หรือลำโพงติดเพดานคุณภาพสูงในปัจจุบันก็สามารถให้เสียง BGM ที่ไพเราะและน่าฟังได้ดีมาก

5. ระบบเสียงตามสายเกี่ยวข้องกับระบบแจ้งเตือนอัคคีภัยหรือไม่? เกี่ยวข้องอย่างยิ่ง ในอาคารขนาดใหญ่หลายแห่ง ระบบเสียงตามสาย จะถูกเชื่อมต่อกับระบบ Fire Alarm เพื่อทำหน้าที่เป็น “ระบบเสียงแจ้งเตือนเหตุฉุกเฉิน” (Emergency Voice Evacuation System) โดยจะประกาศเสียงเตือนและเสียงแนะนำเส้นทางหนีไฟโดยอัตโนมัติเมื่อเกิดเหตุ

แหล่งข้อมูลอ้างอิง

สำหรับข้อมูลเชิงลึกเกี่ยวกับเทคโนโลยีและมาตรฐานของระบบเสียงประกาศสาธารณะ ลองดูแหล่งข้อมูลเหล่านี้ครับ:

  • TOA Corporation: หนึ่งในผู้ผลิตระบบเสียงประกาศสาธารณะรายใหญ่ที่สุดของโลก มีคู่มือและข้อมูลทางเทคนิคที่เป็นประโยชน์มากมาย
  • Bosch Public Address and Voice Alarm Systems: ผู้นำด้านโซลูชันระบบเสียงเพื่อความปลอดภัย มี White Papers และกรณีศึกษาที่น่าสนใจ
  • Sound & Video Contractor (SVC) Magazine: นิตยสารออนไลน์ชั้นนำสำหรับผู้ติดตั้งระบบ AV ที่มีบทความเกี่ยวกับเทคโนโลยีและโปรเจกต์ต่างๆ

 

0 replies

Leave a Reply

Want to join the discussion?
Feel free to contribute!

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *