Sample Rate และ Bit Depth คืออะไร? ทำไมถึงสำคัญกับระบบเสียง

ในการบันทึกเสียงผ่านอุปกรณ์เสียงระบบ Digital นั้น ผู้บันทึกเสียงจำเป็นต้องรู้เรื่อง ค่าความละเอียดของสัญญาณเสียง Digital อย่างค่า Bit Depth และค่า Sample Rate เป็นอย่างมาก ซึ่งหลายท่านคงคุ้นเคยกับตัวเลขอย่าง 44.1kHz, 96kHz หรือ 16 Bits เป็นอย่างดี แต่สำหรับท่านที่พึ่งเริ่มเรียนรู้การบันทึกเสียงได้สักระยะหนึ่งอาจจะยังไม่เข้าใจว่าจริงๆ แล้วค่า Sample Rate และ Bit Depth มันคืออะไร วันนี้เราจะมาอธิบายให้หายข้องใจกันนะครับ

Sample Rate  คืออะไร ?

Sample Rate คือ จำนวนการเก็บตัวอย่างสัญญาณเสียง Analog ที่ถูกแปลงเป็นสัญญาณเสียง Digital ภายใน 1 วินาที ซึ่งมีหน่วยวัดเป็น Hertz (Hz) เช่น ค่า Sample Rate 44 kHz จะหมายถึง ภายใน 1 วินาทีจะมีการเก็บตัวอย่างสัญญาณเสียงถึง 44,000 Hz เป็นต้น

ในปัจจุบันค่า Sample Rate ที่เราสามารถพบกันได้ตั้งแต่  44.1 kHz จนถึง 192 kHz ซึ่งจะหมายความว่า ตัวเลขเหล่านี้ยิ่งมีค่าสูงยิ่งทำให้การบันทึกเสียงมีความละเอียดมากขึ้น ส่งผลให้ระดับสัญญาณเสียงของเรามีความสมจริงใกล้เคียงกับเสียงเดิมมากยิ่งขึ้น

Bit Depth คืออะไร ?

Bit Depth คือ จำนวนระดับความแตกต่างของสัญญาณเสียงในแต่ละช่วง Sample ของการเก็บตัวอย่างสัญญาณเสียง Analog ที่ถูกแปลงเป็นสัญญาณเสียง Digital ซึ่งค่า Bit Depth จะมีผลต่อโทนเสียงของงานนั่นเอง

ในปัจจุบันสำหรับการใช้งานค่า Bit Depth ที่ต่ำที่สุดจะอยู่ที่ 16 Bits และยิ่งค่า Bit Depth เพิ่มขึ้นจะส่งผลให้ผู้ใช้งานสามารถแบ่งจำนวนระดับความแตกต่างของสัญญาณเสียงได้ละเอียดมากขึ้น นั่นหมายความว่าเราจะสามารถเก็บข้อมูลเสียงที่มีระดับความแตกต่างของสัญญาณเสียงได้มากขึ้นนั่นเอง

ค่ายิ่งเยอะ ยิ่งดี จริงหรือไม่?

เราอาจจะสรุปได้ว่า ยิ่งมีค่า Sample Rate และค่า Bit Depth เยอะมากขึ้นเท่าไหร่ เราจะได้ข้อมูลเสียงที่ละเอียด และสมจริงมากขึ้นเท่านั้น แต่จะมีบางกรณีที่ไม่สามารถใช้ค่า Sample Rate และค่า Bit Depth ที่เยอะได้ เช่น ในกรณีที่สถานที่ใช้งานมี Noise เข้ามาด้วย การที่เราไปตั้งค่า Sample Rate และค่า Bit Depth เยอะจะกลายเป็นว่าเราได้บันทึกเสียงรบกวนเข้ามาด้วย ซึ่งจะเป็นปัญหาต่อการ Mix เสียง หรือต้องบันทึกเสียงใหม่

และยิ่งมีค่า Sample Rate และค่า Bit Depth เยอะ เราต้องหาพื้นที่ของอุปกรณ์ในการจัดเก็บไฟล์เสียงที่ใหญ่ขึ้น หากมีจำนวนไฟล์ไม่เยอะอาจจะไม่ได้เป็นปัญหามากนัก แต่ถ้าเรามีจำนวนไฟล์ที่เยอะก็อาจจะทำให้ Hard Disk ของเราเต็มได้ง่าย

หากจะแนะนำว่าจะใช้ค่า Sample Rate และ Bit Depth ที่เท่าไหร่ เราก็จะบอกว่าขึ้นอยู่กับสื่อปลายทางที่จะใช้ครับ ยกตัวอย่างเช่น ถ้าใช้ในงานเสียงสำหรับภาพยนตร์ ส่วนมากจะใช้ File เสียงที่ความละเอียด 48kHz / 16 Bits ซึ่งเป็นมาตรฐานเสียงของ File VDO โดยที่เราอาจจะใช้ความละเอียดเสียงที่สูงขึ้น ในกรณีที่ใช้เป็นแผ่น HD DVD หรือ Bluray

แต่ที่สำคัญกว่าการเลือกใช้ค่า Sample Rate และ Bit Depth คือคุณภาพของอุปกรณ์เสียงที่ใช้งานด้วย หากอุปกรณ์ไม่มีคุณภาพดีพอ ก็จะทำให้เสียงที่ออกมาไม่มีคุณภาพและเกิดปัญหาตามมาเช่นกัน สุดท้ายนี้อย่าลืมติดตามเราในทุกช่องทางด้านล่างนี้ เพื่อรับข่าวสารและบทความใหม่ๆ กันครับ

สนใจออกแบบและติดตั้งระบบเสียง ระบบเสียงประกาศ ระบบเสียงห้องประชุม ระบบห้องประชุม หรือ Smart Classroom ห้องเรียน ติดต่อได้ที่ บริษัท แวน อินเตอร์เทรด จำกัด
เบอร์โทร: 02-728-0150
Email: van@vaninter.com